Decor of the week x Decor Idea
กลับมาพร้อมกับต้อนรับเข้าสู่หน้าฝนอย่างเต็มตัว ซึ่งฤดูฝนมีทั้งข้อดีและข้อเสียในเวลาเดียวกัน และแน่นอนว่าสำหรับงานก่อสร้างบ้านพักอาศัยถือเป็นอุปสรรคที่ไม่มีทางหนีพ้น ซึ่งวันนี้พวกทีมงาน Homedeedee มีวัสดุที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานในฤดูฝนได้อย่าง “ไม้เทียม” สำหรับปูพื้นระเบียงมาฝากกันครับ

ทำความรู้จัก ‘ไม้เทียม’
‘ไม้เทียม หรือ ไม้สังเคราะห์’ เป็นวัสดุที่ถูกผลิตขึ้นจากวัสดุแปรรูปชนิดต่างๆ เช่น ผงไม้, เศษไม้ขนาดเล็ก เป็นต้นฯ ก่อนจะนำมาบดอัดด้วยกรรมวิธีทางวิทยาศาสตร์ โดยทั่วไปแล้วไม้เทียมมีอยู่หลายประเภทด้วยกัน ขึ้นอยู่กับวัสดุที่นำเข้าสู่กระบวนการผลิตและแปรรูป สามารถแบ่งได้เป็น 4 ประเภทหลัก
- Wood Plastic Composite : เรียกสั้นๆว่า WPC ที่ได้นำวัสดุผงไม้ผสมเข้ากับพลาสติก ก่อนนำมาแปรรูปเป็นแผ่นไม้
- ไฟเบอร์ซีเมนต์ (Fibercement) : เป็นการนำปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ผสมเข้ากับเส้นใยเซลลูโลส
- ไม้อัดซีเมนต์ (Wood Cement Board) : นำปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ผสมเข้ากับผงไม้ ก่อนนำมาอัดให้เป็นแผ่นไม้ที่มีความหนาแน่น
- แผ่นใยไม้อัด (Medium Density Fiber Board) : มีชื่อเรียกสั้นๆว่า MDF ซึ่งได้นำ เส้นใยผสมกับกาวสังเคราะห์และผง ไม้ผสมเข้าด้วยกัน

ความต่างระหว่าง ‘ไม้จริง และ ไม้เทียม’
เรียกได้ว่ามีความต่างกันร้อยเปอร์เซ็นต์เลยก็ว่าได้ เพราะ ‘ไม้จริง’ เป็นวัสดุที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติและมีอยู่ด้วยกันหลายชนิด ก่อนถูกนำมาแปรรูปเพื่อใช้งานในประเภทต่างๆ
ส่วน ‘ไม้เทียม’ ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์ทางด้านอุตสาหกรรมก่อสร้างและสถาปัตยกรรม และนอกจากนั้นยังผลิตขึ้นเพื่อทดแทนการใช้ทรัพยากรทางธรรมชาติอย่างไม้จริง และแน่นอนว่ากระบวนการผลิตทางวิทยาศาสตร์ ทำให้วัสดุไม้เทียมมีคุณสมบัติที่โดดเด่นมากมาย รวมไปถึงมีผิวสัมผัสที่ใกล้เคียงกับไม้ธรรมชาติ
1. นวัตกรรมการรับน้ำหนัก
- สิ่งที่ทำให้ ‘ไม้เทียม’ แตกต่างจากไม้จริง คือกระบวนการผลิตทางวิทยาศาสตร์ ที่ได้นำเทคโนโลยีทางด้านวิศวกรรมเข้ามาผสมผสาน เรียกว่า Soft Decking Floor จนทำให้ได้คุณสมบัติการกระจายน้ำหนักเวลาเดิน ที่จะสามารถรองรับน้ำหนักได้มากกว่า 100 เท่า อีกทั้งยังดูดซับแรงช่วยซัพพอร์ตของเท้าระหว่างเดินอยู่บนตัวไม้ ทำให้ไม่รู้สึกถึงความแข็งกระด้าง
2. กันลื่นป้องกันอุบัติเหตุ
- อีกหนึ่งจุดเด่นที่ไม้จริงทำไม่ได้ แต่ไม้เทียมสามารถทำได้ คือ ‘กันลื่นแม้พื้นเปียก’ โดยปกติทั่วไปแล้ว เมื่อพื้นไม้เปียกปัญหาที่ตามมาคือความลื่น แต่ไม้เทียมได้พัฒนารูปแบบด้วยนวัตกรรมการยึดติดกับผิวหนัง ทำให้สัมผัสระหว่างวัสดุมีความกลมกลืนกับผิวหนังมนุษย์ ช่วยลดอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นในการเดิน
3. ทนต่อทุกสภาพอากาศและแมลง
- แน่นอนว่าคุณสมบัติหลักของไม้เทียมที่โดดเด่นที่สุดคงหนีไม่พ้นในเรื่องของ ‘ทนต่อทุกสภาพอากาศ และแมลง’ ซึ่งปัญหาแบบเดิมๆที่เคยเจอมากับพื้นไม้รูปแบบเก่าอย่าง โดนแดดแล้วสีลอก หรือ ไม่ผุกร่อนจากแมลง ปัญหาเหล่านั้นจะไม่เกิดขึ้นกับไม้เทียม เพราะด้วยการผลิตได้มีการเพิ่มชั้นเนื้อไม้มากกว่า 3 ชั้น และมีการเคลือบสารกันแสง UV และแมลง
4. ติดตั้งง่ายด้วยระบบคลิปล็อก
- อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ไม้เทียมเป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน การติดตั้งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เจ้าของบ้าน หรือเจ้าของโครงการเลือกใช้ เพราะติดตั้งง่ายด้วยระบบ ‘คลิปล็อค’ ทำให้สามารถติดตั้งเองได้สะดวก ซึ่งระบบนี้จะมีข้อต่อบริเวณพื้นไม้เทียมแต่ละแผ่น ซึ่งจะทำหน้าที่ยึดเกาะกันแบบรังผึ้ง ทำให้มีความเหนี่ยวแน่นและแข็งแรง
5. ทำความสะอาดง่าย
- วิธีทำความสะอาดและดูแลรักษาสามารถทำได้ง่ายๆ เพียงใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาดบนวัสดุ หรือฉีดน้ำบริเวณร่องข้อต่อของไม้เพื่อไม่ให้เศษฝุ่นอุดตัน แต่ข้อควรระวังคือ อย่าใช้สารเคมีที่มีความเข้มข้น หรือ มีค่าความเป็นกรดสูง เพราะจะทำให้เกิดปฏิกิริยากับสีของเนื้อไม้ ทำให้เกิดการหลุดลอกได้
‘ไม้เทียม’ ถือเป็นวัสดุสังเคราะห์ที่ถูกพัฒนาขึ้น เพื่อรองรับการใช้งานในปัจจุบัน อีกทั้งยังสามารถใช้แทนไม้จริงที่กำลังหายากขึ้นทุกวันได้ทุกประการ ดังนั้นไม้เทียมถือเป็นวัสดุทางเลือกใหม่ ที่มีประสิทธิภาพทั้งในแง่ของความสวยงาม รวมไปถึงคุณสมบัติที่ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างสมบูรณ์
ที่มา: https://homedeedee.com/